คนขับรถของเรา นอนรออย่างสบายใจ ไหว้พระเสร็จก็ช็อปต่อ พัดนี้ราคา 20 บาท มีคาถาให้อ่านด้วย 
จากนั้นมาสักการะพระเจดีย์ชเวมอดอว์หรือพระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในกรุงหงสาวดี ภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
แล้วไปตักบาตรพระสงฆ์กว่า 200 รูปที่วัดไจ้คะวาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพระภิกษุและสามเณรไปศึกษาพระไตรปิฎกเป็นจำนวนมาก นอกจากอาหารแห้ง อาหารสดและปัจจัยที่นำมาถวายแล้ว น้องๆในคณะทัวร์ของเรายังได้นำ
สมุดดินสอ ปากกา แผ่นซีดี มาถวายอีกด้วย
ออกจากวัดไจ้คะวาย เราได้เดินทางไปสักการะพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว ซึ่งเป็นพระนอนที่งดงามแห่งหนึ่งของพม่า มีความยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามินกะดีป่า ในปี ค.ศ. 994 ด้านหลังมีภาพวาดบรรยายเรื่องราวของพระองค์นี้ 
จากนั้นชมพระราชวังบุเรงนอง และบัลลังค์ผึ้ง ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า โบราณสถานแห่งนี้เป็นพระราชวังของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ปัจจุบันการขุดค้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์
จากนั้นเดินทางสู่พระธาตุอินทร์แขวน เราต้องเปลี่ยนรถเป็นรถ 6 ล้อที่ให้บริการสู่ยอดเขา ทางคดเคี้ยวและสูงชันมาก คณะของเรานั่ง 2 แถวหลังสุด ซึ่งที่นั่งเป็นไม้หน้าแคบพาดตัวถังรถเท่านั้น เรียกว่านั่งได้ไม่เต็มก้น คนแถวหน้าก็เอนตัวลงมาบนหน้าขาเรา เวลาที่รถกำลังไต่ขึ้นไป การเดินทางมีลุ้นตลอดทาง บนรถมีวัยรุ่นเยอะมากทำให้การเดินทางสนุกสนาน ไม่เครียดเลย ตัวผู้เขียนเอง.. เมื่อว่างจากการหวีดร้องปะปนกับเสียงหัวเราะของทุกคนบนรถแล้ว ก็ก้มหน้าสวดมนต์ตลอดทาง ไม่กล้ามองไปด้านข้างที่เป็นหุบเหวหรอก (ที่รู้เพราะแอบมองลอดนิ้วมือ) 
เมื่อถึงจุดลงรถก็เป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ไกด์ให้เราเปลี่ยนไปนั่งเสลี่ยงแทน เด็กแบกเสลี่ยงขึ้นเขาต้องใช้ถึง 4 คน ตามทางจะมีร้านค้าตลอดเขาจะหยุดพักเป็นระยะๆ เมื่อถึงบนยอดเขาจะมีร้านค้า โรงแรมมากมาย เราให้ทิปก็ได้ ปกติก็ให้คนละ 1,000-2,000 จ๊าด (20-40 บาทไทยต่อคน) หลังจากนั้นเราเข้าพักที่โรงแรม แล้วขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน กลับไปทานอาหารเย็นแล้วจึงไปนั่งสวดมนต์จนดึก อากาศหนาวมากจึงกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้พรุ่งนี้ ตอนตีห้านัดกันขึ้นไปใส่บาตรถวายพระธาตุก่อนเตรียมตัวเดินทางลงจากเขา 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น