หลังจากวันนั้นแล้วก็มีวันหยุดอีกวันคือวันมาฆบูชา (จันทร์ที่ 9 ก.พ.) ผู้เขียนได้ไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภูที่ครอบครัวของผู้เขียนจะไปทำบุญเป็นประจำ เริ่มออกเดินทางจากอำเภอขามสะแกแสงเวลา ห้าโมงเช้าวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ. 52 เราพักทานอาหารกลางวันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวขอนแก่น บรรยากาศเย็นสบาย ร่มรื่นดี จึงถ่ายภาพมาฝากกัน
ผ่านจังหวัดหนองบัวลำภู ไปถึงที่ตลาดชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเวลาประมาณบ่ายสามโมง มีอาหารพื้นบ้านนานาชนิด อาทิเช่น
จากนั้นก็เดินทางต่อไป ผ่านสุสานหอย 150 ล้านปี และก็มาถึงปากทางเข้าวัดถ้ำกลองเพล
หลังจากถวายสังฆทานแล้ว ก็ไปกราบพระบัณฑรนิมิต ที่ท่านอาจารย์หมออวย เกตุสิงห์
สร้างถวายหลวงปู่ขาว อนาลโย
แล้วจึงเดินทางกลับออกมา เพื่อถ่ายภาพฝูงไก่ป่า
ขณะนั้นเอง ก็ได้พบ(หลวงตาแชร์) พระชฎิล อมรปญโญ โดยบังเอิญ เนื่องจากท่านได้มาปฏิบัติธรรม ที่จังหวัดอุดรหลายวันแล้ว
เมื่อได้กราบลาหลวงตาแชร์ แล้วเราก็เดินทางต่อไป ถึงจุดหมายปลายทางคือจังหวัดหนองคาย เมื่อเวลาประมาณหกโมงเย็น ตลาดท่าเสด็จยังไม่ปิด จึงเดินช็อปปิ้งได้หลายเที่ยว เมื่อร้านค้าเริ่มปิดก็ถึงเวลานั่งทานอาหารเย็นริมแม่น้ำโขงยามค่ำคืน และดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติ จนพอใจจึงเข้าพักที่โรงแรม เพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้เดินต่อในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์-วันมาฆบูชา)
รุ่งเช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เราก็ขับรถไปที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว นำรถเข้าไปฝากไว้ที่จุดรับฝากรถ ทางตึกด้านทิศตะวันออก (ดังภาพล่าง) กะว่าจะเข้าไปแค่ด่าน ต.ม. ของ ส.ป.ป.ลาว เพื่อเดินเล่น และซื้อสินค้านิดหน่อยซักชั่วโมงก็จะกลับ ค่าจอดรถแค่ 40 บาท เท่านั้นเอง


จอดรถแล้วเราก็เดินไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย
ได้ความรู้อย่างหนึ่งคือ หากพาสปอร์ดมีอายุเหลือต่ำกว่า 6 เดือน ไม่สามารถเข้าประเทศลาวได้
(เป็นสากล) ฉะนั้นก็จงหมั่นเปิดดูวันหมดอายุบ่อยๆนะคะ เผื่อปีหน้าจะไปเชียร์กีฬาที่ฝั่งโน้นจะได้ไม่เจ็บใจ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมธนบัตรใบละ 20 บาทไว้ซื้อปี้ด้วยค่ะ
คำว่า "ปี้" แปลว่า"ตั๋ว" แล้วก็รอรถเมล์เพื่อนำท่านข้ามสะพานไปด่านตรวจคนเข้าเมืองของ ส.ป.ป.ลาว



(ภาพล่าง) เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เราก็ข้ามไปฝั่งตรงข้ามโดยเริ่มตั้งแต่ตลาดดาวเรือง เดินชมไปเรื่อยๆมีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลท เมื่อได้ซื้อสินค้าครบตามจุดประสงค์แล้ว ผู้เขียนก็ลองซื้อ "ปาเต้" มาลองชิมบ้าง และสังเกตการทำของคนขาย ราคา 50 บาท หากต้องการใส่ทูน่ากระป๋องก็ชุดละ 70 บาท เครื่องปรุงก็มี ข้าวจี่(เหมือนขนมปังฝรั่งเศส) ทาเนย ใส่เครื่องเช่น หมูหยอง ยอ หมูแดง แตงกวา แครอท ผักชี แล้วราดซอสมะเขือเทศ
(ภาพล่าง) เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เราก็ข้ามไปฝั่งตรงข้ามโดยเริ่มตั้งแต่ตลาดดาวเรือง เดินชมไปเรื่อยๆมีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลท เมื่อได้ซื้อสินค้าครบตามจุดประสงค์แล้ว ผู้เขียนก็ลองซื้อ "ปาเต้" มาลองชิมบ้าง และสังเกตการทำของคนขาย ราคา 50 บาท หากต้องการใส่ทูน่ากระป๋องก็ชุดละ 70 บาท เครื่องปรุงก็มี ข้าวจี่(เหมือนขนมปังฝรั่งเศส) ทาเนย ใส่เครื่องเช่น หมูหยอง ยอ หมูแดง แตงกวา แครอท ผักชี แล้วราดซอสมะเขือเทศ
แล้วก็ได้เวลากลับบ้านเรา ก็ต้องซื้อ"ปี้" ก่อนอีกคนละ 20 บาท
ขากลับเมื่อรถผ่านมาถึงตรงกลางสะพาน ก็เริ่มเห็นธงชาติไทย
เราขับไปตามเส้นทางเพื่อไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระใส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น